รับวางระบบบัญชี โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ

เรารับวางระบบบัญชี ให้คำปรึกษาในการวางระบบและพัฒนากระบวนการดำเนินงานต่างๆ สำหรับธุรกิจทุกรูปแบบโดยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี นอกจากบริการที่ได้คุณภาพของเราแล้ว เรายังสามารถนำเครื่องมือดิจิตอลต่างๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยลดงานซ้ำซ้อน ลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงและการนำข้อมูลมาใช้

วางแผนด้านบัญชี-ภาษี ครบวงจร

ระบบบัญชีเป็นตัวแปรที่สำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธุรกิจและความน่าเชื่อถือของยอดคงเหลือทางบัญชีในรายงานทางการเงิน ไม่เพียงแต่ระบบบัญชีเท่านั้น การที่ธุรกิจจะมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีได้นั้น ย่อมเกิดจากการทำงานหรือการบูรณาการร่วมกันของระบบในภาคส่วนต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น

  • การทำงานร่วมกันได้อย่างดีของระบบการตลาดออนไลน์และระบบช่องการทางติดต่อของลูกค้าจะช่วยให้กิจการสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
  • ระบบเอกสารทางการบัญชีและระบบการอนุมัติรายการที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้กิจการลดข้อผิดพลาดในการออกเอกสารรายการค้าที่เป็นสาระสำคัญ และลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดการคอรัปชั่นได้

ดังนั้นแล้ว หากท่านกำลังมองหาบริษัทที่จะช่วยจัดวางระบบและวางแผนบัญชีแบบครบวงจรอยู่ เราคือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับราคาค่าใช้จ่ายของเรา เริ่มต้นที่ 5,000 บาท เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของระบบงานย่อย และกลุ่มผู้ใช้งาน) ติดต่อเราวันนี้ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

ทำไมต้องเลือกเรา

นี่เป็น 4 เหตุผลว่าทำไมควรเลือกใช้บริการวางแผนและระบบบัญชีกับเรา:

  1. บุคคลากรมีความรู้ความสามารถและความตระหนักเรื่องเทคโนโลยี
  2. บุคคลากรมีประสบการณ์เกี่ยวกับระบบภายในในหลากหลายอุตสาหกรรมตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปี
  3. มีกระบวนการการทำงานที่เป็นระบบดิจิตอลเป็นเดิมทุน เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มคุณภาพของกิจการ
  4. มีความดีเลิศในการโอบรับการปรับตัวทั้งในเชิงเทคโนโลยี และโครงสร้างธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ

ขั้นตอนการทำงาน

1. การเข้าใจสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของธุรกิจ

การทำความเข้าใจในกระบวนการทางบัญชีและธรรมชาติของธุรกิจในแต่ละภาคส่วนเป็นสิ่งจำเป็นที่กิจการควรนึกถึงก่อนการวางระบบบัญชี เนื่องจากการรู้และเข้าใจถึงกระบวนการปัจจุบันอย่างแท้จริง จะช่วยให้เราสามารถบ่งชี้ช่องว่าง ข้อผิดพลาด หรือจุดที่ควรพัฒนาของกระบวนการการทำงาน

  • เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก่อนวางระบบบัญชี
  • ลักษณะของสินค้าและบริการของธุรกิจ
  • ลักษณะและเส้นทางของรายการค้าฝั่งรายได้
  • ลักษณะและเส้นทางของรายการค้าฝั่งค่าใช้จ่าย
  • ระบบการควบคุมภายในและกระบวนการดำเนินงานปัจจุบันของกิจการ

2. กำหนดกระบวนการทางบัญชีที่ชัดเจน

หลังจากที่การทำความเข้าในสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของธุรกิจแล้ว ผู้วางระบบจะนำข้อมูลมากำหนดกระบวนการและวงจรการทำงานต่างๆ ที่ชัดเจน รวมทั้งกำหนดแนวทางการปฎิบัติที่จะรวมถึงการควบคุมที่ชัดเจนและเหมาะสมสำหรับการดำเนินงาน โดยจะทำออกมาเป็นรูปแบบระบบสารสนเทศทางการบัญชี หรือ Accounting Information System ซึ่งจะช่วยให้ง่ายในการติดสินใจของผู้ใช้ โดยระบบสารสนเทศทางการบัญชี จะกำหนดแนวทางปฏิบัติไว้อยู่ 4 วงจร ได้แก่:

  1. วงจรรายได้ (Revenue Cycle) – กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงจรรายได้
  2. วงจรค่ารายจ่าย (Expenditure Cycle) – กิจกรรมที่เกียวข้องกับวงจรค่าใช้จ่าย
  3. วงจรการผลิต (Production Cycle) – กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงจรการผลิต
  4. วงจรบัญชีแยกประเภท (General Ledger and Financial Reporting Cycle) – กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงจรบัญชีแยกประเภท

3. นำเครื่องมือดิจิตอลและระบบอัตโนมัติต่างๆมาประยุกต์ใช้

ถ้าเปรียบเทียบการวางระบบบัญชีเสมือนการสร้างบ้าน การกำหนดกระบวนการและแนวทางที่ชัดเจนจะเปรียบเสมือนการมีแปลนบ้านที่ชัดเจน และ ในลำดับถัดไปการนำเครื่องมือมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการตามกระบวนการและแนวทางที่กำหนดไว้ จึงเปรียบเสมือนการเลือกวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือของการสร้างบ้าน นั่นเอง ซึ่งจุดนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพและข้อจำกัดต่าง โดยตรงกับการดำเนินงาน

ซึ่งในยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีเป็นส่วนที่สำคัญมากในการดำเนินงานของธุรกิจ เพราะว่าเทคโนโลยีนั้นช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการส่งมอบอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการ ลดข้อผิดพลาด ลดงานซ้ำซ้อน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มความสามารถในเข้าถึงและการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น

ดังนั้นการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้

4. การจัดการผู้ปฏิบัติการ

ผู้ปฎิบัติการ หรือ ผู้ใช้งานระบบ นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการวางระบบ ซึ่งผู้ใช้งานนั้นควรมีบทบาทสำหรับการวางระบบ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1 การเข้าใจสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของธุรกิจ เนื่องจากผู้ใช้งานนั้นจะเป็นผู้ที่ทราบถึงกระบวนและบ่งชี้ปัญหาได้อย่างชัดเจน

เช่นเดียวกับ ขั้นตอนที่ 2 และขั้นตอนที่ 3 ที่ควรให้กลุ่มผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมในการออกแบบด้วย เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดของการปฏิบัติการ

ตัวอย่างหลักการพิจาราณาสำหรับการวางระบบในมุมมองของผู้ใช้งาน

  • ลักษณะของกลุ่มผู้ใช้งาน
  • อายุ
  • จำนวน
  • ความสามารถในการใช้งานคอมพิวเตอร์
  • บทบาทและความรับผิดชอบในกระบวนการ
  • ลักษณะงานและวิธี
  • ประสบการณ์การใช้งานกับเครื่องมือที่เลือกใช้

เมื่อทราบแน่ชัดแล้วเกี่ยวกับกระบวนการ และ เครื่องมือที่ใช้ กิจการควรทำการทดสอบระบบก่อนการใช้งานจริง รวมถึงการอบรมบุคคลากร เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและแนวทางการติดตามประสิทธิผลของระบบใหม่ เพื่อ สร้างความมั่นใจว่า กลุ่มผู้ใช้งานมีความรู้และความเข้าใจเพียงพอก่อนการปฏิบัติงานจริง

5. การติดตามและการวัดผล

หลังจากที่เรานำเครื่องมือต่างๆมาประยุกต์ใช้แล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การติดตามผลการดำเนินงานตามกระบวนการที่กำหนดไว้ เนื่องจาก การติดตามผลการดำเนินงานนั้น จะทำให้กิจการได้ทราบถึงผลการปฏิบัติว่าตรงกับแนวทางที่กำหนดไว้หรือไม่ อีกทั้งยังสามารถเก็บข้อคิดเห็นต่างๆ จากทีมปฏิบัติการ เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการและเครื่องมือให้มีความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์และกลุ่มผู้ใช้งานในแต่ละภาคส่วนอยุ่ตลอดเวลา

ตัวอย่างประเด็นสำหรับการออกแบบตัวชี้วัดที่สำคัญ:

  • ระยะเวลาการปฏิบัติงานในแต่ละงานย่อย
  • ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
  • ความสามารถในการปรับตัวของผู้ปฏิบัติการ

นอกเหนือจากนี้แล้วการวางระบบบัญชีนั้นไม่ได้เป็นการวางครั้งเดียวแล้วเสร็จแต่การวางระบบนั้นควรมีการพิจาราณาตัวแปรภายนอกอื่นๆ ด้วย เช่น การโอบรับเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆนั้นสามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการได้เป็นอย่างดี และยังสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกิจการอีกด้วย

ติดต่อสอบถาม

ติดต่อสอบถามหรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเรา